เล็บเป็นโพรง (Onycholysis) เป็นอาการที่เล็บแยกตัวออกจากฐานเล็บ จนเห็นเป็นโพรงบริเวณใต้เล็บ ซึ่งอาจส่งผลให้เล็บมีลักษณะเปลี่ยนไป เช่น เล็บร่น ฐานเล็บหนาและแข็ง ปลายเล็บหนาขึ้นหรือบางลง เล็บอาจเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เขียว ขาวหรือเทา เล็บเป็นโพรงอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น อาการบาดเจ็บที่เล็บ การติดเชื้อราและโรคผิวหนังบางชนิด
สาเหตุที่อาจทำให้เล็บเป็นโพรง
เล็บเป็นโพรงเป็นอาการที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป เมื่อเป็นแล้วมักมีอาการนานหลายเดือนหรืออาจนานเป็นปี ซึ่งมักมีสาเหตุมาจากอาการหรือปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น
1. การติดเชื้อราที่เล็บ (Onychomycosis)
การติดเชื้อราที่เล็บ เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของเล็บเป็นโพรง เชื้อราจะเข้าไปทำลายโปรตีนเคราตินซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของเล็บ ทำให้เล็บแยกตัวออกจากฐานเล็บ
2. อาการบาดเจ็บที่เล็บหรือบริเวณโคนเล็บ
อาการบาดเจ็บที่เล็บ เช่น การกระแทกกับของแข็ง การใส่รองเท้าที่เล็กเกินไป การสัมผัสน้ำเป็นเวลานาน รวมไปถึงอาการบาดเจ็บที่ไม่รุนแรงแต่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน เช่น การใช้เล็บกดแป้นพิมพ์เป็นประจำ
3. โรคผิวหนังบางชนิด
การป่วยจากโรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคลูปัส โรคไทรอยด์
4. การใช้ยาบางชนิด
การต้องใช้ยาเป็นประจำ หรือ ใช้อย่างต่อเนื่อง เช่น ยาเคมีบำบัด ยารักษาโรคมะเร็ง
5. ภาวะขาดสารอาหารบางชนิด
มีภาวะขาดสารอาหาร หรือได้รับสารอาหารบางชนิดไม่เพียงพอ เช่น ภาวะขาดสังกะสี ภาวะขาดวิตามินเอ
6. พันธุกรรม
ลักษณะทางพันธุกรรมบางประเภท อาจเป็นสาเหตุของอาการเล็บเป็นโพรงแต่กำเนิด
อาการเล็บเป็นโพรง
เล็บเป็นโพรงอาจเกิดขึ้นได้ทั้งในเล็บมือและเล็บเท้า ซึ่งมักไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวด แต่ในบางกรณีอาจก่อให้เกิดความรู้สึกเจ็บได้หากมีสาเหตุจากอาการบาดเจ็บหรือการติดเชื้อรา อาการเล็บเป็นโพรง ที่พบร่วมกับการติดเชื้อรา อาจมีอาการและอาการร่วมดังต่อไปนี้
- เล็บแยกออกจากฐานเล็บ เกิดเป็นช่องว่างระหว่างเล็บและฐานเล็บ
- เล็บหนาขึ้น มีขุยเนื้อเยื่อก่อตัวใต้เล็บ
- เล็บเป็นสีขาวถึงเหลืองอมน้ำตาล
- เล็บเปราะ รูปร่างบิดเบี้ยว
- เล็บมีสีเข้ม เนื่องจากมีสิ่งสกปรกเข้าไปสะสมอยู่ใต้เล็บ
วิธีการรักษาโรคเล็บเป็นโพรง
เล็บเป็นโพรงอาจใช้เวลานานในการรักษา โดยผู้ที่มีอาการเล็บเป็นโพรงสามารถดูแลตนเองได้ด้วยวิธีดังนี้
1. การดูแลเล็บ
การรักษาและดูแลเล็บอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ ควรตัดเล็บให้สั้นและเรียบ และหลีกเลี่ยงการตีเล็บที่ไม่ถูกวิธี
2. การใช้รองเท้าที่เหมาะสม
เลือกใช้รองเท้าที่ให้ความสบายและไม่กดแรงบนเล็บ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเล็บเป็นโพรง
3. การใช้แร่ประคบเล็บ
ในบางกรณีที่เล็บเริ่มมีอาการผิดปกติ คุณอาจใช้แร่ประคบเล็บเพื่อช่วยปรับปรุงรูปร่างของเล็บ
4. การป้องกันการตีเล็บผิดวิธี
หลีกเลี่ยงการตีเล็บที่ผิดวิธี และหากมีปัญหาในการตีเล็บมากยิ่งขึ้น คุณอาจค้นหาความช่วยเหลือจากนักวิทยาศาสตร์การเลี้ยงที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลเล็บ
5. การรักษาโรคซ้ำๆ
ในกรณีที่โรคเล็บเป็นโพรงมีอาการรุนแรงและไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาเพิ่มเติม เช่น การรับยาหรือการผ่าตัด (ในกรณีที่จำเป็น)
วิธีดูแลตนเองที่อาจช่วยป้องกันหรือบรรเทาอาการเล็บเป็นโพรงได้
เนื่องจากเล็บเป็นโพรงอาจเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ซึ่งแต่ละสาเหตุอาจมักมีอาการคล้ายกัน หากไม่มั่นใจว่าเล็บเป็นโพรงเกิดจากสาเหตุใด ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาอย่างเหมาะสม โดยวิธีรักษาเล็บเป็นโพรงอาจแตกต่างกันไปตามสาเหตุของอาการ เช่น
1. หากเล็บเป็นโพรงเกิดจากการได้รับบาดเจ็บที่เล็บ ควรรอให้เล็บยาว และตัดเล็บบริเวณที่ร่นทิ้ง
2. หากเล็บเป็นโพรงเกิดจากการติดเชื้อรา อาจใช้ยาต้านเชื้อราสำหรับทาเพื่อทาลงบริเวณเล็บและรอบ ๆ เล็บ
3. หากเล็บเป็นโพรงเกิดจากโรคสะเก็ดเงิน ควรไปพบแพทย์ โดยแพทย์อาจจ่ายครีมวิตามินดี หรือครีมคอร์ติโคสเตียรอยด์ เพื่อใช้ทาบนบริเวณที่เกิดสะเก็ดเงินบนเล็บดูแลนิ้วมือและนิ้วเท้าให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ
4. ตัดเล็บให้สั้นแบบพอดีและมีรูปทรงเหมาะสม สำหรับเล็บมือควรตัดให้โค้งตามแนวเล็บ แล้วใช้ตะไบฝนเล็บเพื่อเก็บทรงและลบคมเล็บ ส่วนเล็บเท้าควรตัดเป็นแนวตรง แล้วตะไบเล็บให้หายคมและได้ทรงที่เหมาะสม
5. หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ดูแลเล็บ เช่น กรรไกรตัดเล็บ ตะไบเล็บ ร่วมกับผู้อื่น เพื่อลดความเสี่ยง
ในการติดและแพร่กระจายเชื้อรา
6. สวมถุงมือหรือถุงเท้าเมื่อทำกิจกรรมหรือทำงานที่อาจทำให้เล็บมือหรือเล็บเท้าเสียหาย
7. ไม่ปล่อยให้เล็บมือและเล็บเท้ายาวเกินไป เพราะอาจทำให้มีสิ่งสกปรกสะสมและเกิดเชื้อราได้
8. หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่าในที่สาธารณะ เช่น ห้องล็อกเกอร์ ห้องน้ำสาธารณะ
9. สวมรองเท้าที่เหมาะสมกับขนาดเท้าและรูปเท้า รองเท้าไม่ควรรัดแน่นเกินไป หรือทำให้เท้าอับชื้น เพราะอาจทำให้เสี่ยงติดเชื้อราหรือเล็บเป็นโพรงได้
โรคเล็บเป็นโพรงไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ควรระวังและดูแลเล็บของคุณอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันปัญหาเกิดขึ้นในอนาคต หากคุณมีอาการที่ข้อกล่าวถึง ควรปรึกษาแพทย์หรือนักวิทยาศาสตร์การเลี้ยงเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม ซึ่ง Seven Plus Clinic และ D’Secret Clinic มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาเฉพาะด้าน
“Seven Plus Clinic และ D’Secret Clinic”คลินิก รักษาโรคผิวหนัง โรคเล็บ ผมร่วง อันดับต้นๆของ กรุงเทพ
รักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนังจากโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศ ประสบการณ์มากกว่า 15 ปีเราคือผู้เชี่ยวชาญ ในการรักษาโรคผิวหนัง โรคภูมิแพ้ผิวหนัง ที่เน้นความโดดเด่นในการ รักษาโรคผม เล็บ ผิวหนัง โดยเฉพาะ อดีตอาจารย์แพทย์ รพ.รามา จบจากอเมริกา และเกาหลี นำทีมโดย พญ.มริญญา ผ่องผุดพันธ์ แพทย์เฉพาะทางโรคผิวหนัง ตจแพทย์
ประสบการณ์การทำงาน
- อาจารย์พิเศษแผนกผิวหนัง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
- อาจารย์แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง
- อาจารย์แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลรามาธิบดี
- แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลสมิติเวช
- แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลกรุงเทพ
ผ่านการศึกษาจาก (Education)
- Hair Restoration Training, Korea (2015)
- Thai Board of Dermatology, Ramathibodi Hospital (2013)
- Board of Dematopathology, Boston University, USA (2009)
- Master of Science in Dermatology, Boston University, USA (2006)
- Doctor of Medicine, Mahidol University (2001)
- Nail surgery training
- Laser expert training
- Hair expert training
- Boton university usa
สามารถสอบถามรายละเอียดเพื่อเข้ารับคำปรึกษาและติดตามโปรโมชั่นราคาได้ทางช่องทางต่อไปนี้
Seven Plus Clinic
- เปิดบริการทุกวัน 00 – 18.00 น.
- facebook : SevenPlusClinic
- Messenger : SevenPlusClinic
- Line : @sevenplusclinic
- Phone : 02-0055552 , 094-9242294 หรือ 084 6555588
- Map : ศูนย์โรคผิวหนัง เส้นผม และเล็บ เซเว่น พลัส ปากซอยพระรามเก้า 51สวนหลวง กรุงเทพมหานคร
D’Secret Clinic
- facebook : Dsecretclinic
- Messenger : Dsecretclinic
- Line : @dsecretclinic
- Phone : 02-910-2955 , 091-462-9154
- Map : 67 ซ.ประชาชื่น 2 ถ.ริมคลองประปา แขวง บางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร (ร้านอยู่หัวมุมด้านซ้ายก่อนทางเข้าที่จอดรถโลตัส ประชาชื่น)