ฝ้ามีกี่แบบ

โดยปกติแล้วฝ้า ก็คือปื้นดำๆ ที่เกิดบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก จมูก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สัมผัสกับแสงแดดได้ง่าย
ฝ้าเกิดจากหลายสาเหตุ
1.แสงแดด
2.ฮอร์โมน การใช้ยาคุม
3.ความเครียด
4.แพ้ยา
โดยสาเหตุเหล่านี้จะทำให้การทำงานของเซลล์เม็ดสีและเซลล์ผิวหนังของบริเมณใกล้เคียง ผิดปกติ
เดิมเราจะแบ่งลักษณะของฝ้า โดยใช้ความลึกเป็นตัวแบ่ง โดยฝ้าตื้นก็จะมีลักษณะสีที่อ่อนกว่า เป็นสีน้ำตาลอ่อนและมีขอบเขตชัดเจน ส่วนฝ้าลึกก็จะมีสีเข้มลักษณะดำและขอบเขตไม่ชัดเจน แต่โดยทั่วไปคนที่มีฝ้าก็มักจะมีทั้ง 2 แบบรวมกัน แต่ในปัจจุบัน มีการกล่าวถึงฝ้าเลือด (vascular melasma) ซึ่งเชื่อว่าฝ้าในกลุ่มนี้ เกิดจากการที่เส้นเลือดและเซลล์ข้างเคียงมีความผิดปกติ มีการเพิ่มขนาดของเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดขยายตัว ผิวหนังมีความไวต่อแสงและความร้อน ในกลุ่มนี้ก็จะมีอาการหน้าแดงได้บ่อย มีความไวต่อแสง ฝ้าจะสีคล้ำขึ้นเร็ว และสีคล้ำขึ้นชัดเจน ฝ้าเลือดในกลุ่มนี้อาจเกิดจากการได้รับฮอร์โมนหรือใช้ยารักษาฝ้าแรงๆมานาน ทำให้ผิวบางและเห็นเส้นเลือด

ต้องยอมรับว่าการรักษาฝ้านั้นยาก ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ 100% แต่อย่างน้อยก็สามารถควบคุมอาการให้เบาลง เพิ่มคุณภาพผิวที่ดีขึ้นได้
การรักษาฝ้าแบ่งได้ดังนี้
1.การใช้ยาทาและยารับประทานเพื่อลดการทำงานของเม็ดสี
2.การป้องกันและหลีกเลี่ยงแสงแดด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ครีมกันแดด ใส่หมวก กางร่ม
3.การฉีดฝ้า โดยใช้สารลดการทำงานของเม็ดสี และเพิ่มความแข็งแรงของผิว
4.การใช้ LASER ในกลุ่ม Q-Switched Nd:YAG laser

โดยหากต้องการรักษาฝ้า ควรให้แพทย์ประเมินเพื่อดูลักษณะของฝ้า และผิวบริเวณใกล้เคียง เพื่อทำการรักษาฝ้า และหลักการรักษาฝ้า เน้นการรักษาแบบผสมผสาน (combination therapy) ทั้งใช้ยาทา ยารับประทาน การฉีดฝ้าเมื่อให้ผิวมีความแข็งแรง ซึ่งจะสามารถควบคุมได้ฝ้าประมาณ 50-70%

เกี่ยวกับเรา

เราคือผู้เชี่ยวชาญ ในการรักษาโรคผิวหนัง โรคภูมิแพ้ผิวหนัง ที่เน้นความโดดเด่นในการ
รักษาโรคผม เล็บ ผิวหนัง โดยเฉพาะ
อดีตอาจารย์แพทย์ รพ.รามา จบจากอเมริกา และเกาหลี

เนื้อหาล่าสุด

ติดตาม